สบู่ อาวุธเทพประทาน ขจัดเหล่ามารคราบสกปรก



ยามที่มนุษย์รู้สึกอ่อนแอ เขามักจะขอร้อง วิงวอน
ต่อสิ่งที่ดูมีพลังอำนาจเหนือกว่าเสมอ

จึงกำเนิดเทพเจ้ามากมายหลายองค์ในสมัยกรีก โรมัน และต่อมาเรื่อยๆ
การบูชายันด้วยชีวิต ถือเป็นของมีค่าที่สุดที่มนุษย์จะพึงถวายแก่ทวยเทพ


แม้จะไม่เคยมี ดาบวิเศษหล่นลงมา
หรือยาเป็นเม็ดๆ ตกลงมาจากฟ้าแทนฝน

แต่การบูชายันก็ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกกันต่อมาว่า  สบู่!!
เกิดจากไขมันสัตว์ที่ถูกบูชายัน ไหลมารวมกับขี้เถ้าซากไม้ที่ถูกเผาไฟ






กลายเป็น สบู่

กระทั่งมนุษย์รู้ความจริงที่ว่า
ความเจ็บป่วยหลายครั้ง โรคระบาดหลายหน
มักมาจากความไม่สะอาดของเราเอง

และสิ่งที่ช่วยทำความสะอาดร่างกายของเราได้ดี ก็คือ สบู่
นั่นจึงเปรียบเสมือนอาวุธไว้ใช้ต่อสู้กับโรคร้าย ที่จะเกิดขึ้นได้กับเรานี่เอง

ฉนั้น จงล้างมือด้วยสบู่ ทำความสะอาดบ่อยๆนะ

เป็นคำอธิบายให้กับหลานวัย7ขวบ เมื่อผมถูกถามว่า สบู่มาจากไหน?  ^_____^


Bloggerชื่อดัง iseechang.com

สบู่เกิดขึ้นได้ยังไง? เมื่อถูกถามโดยเด็กมัธยม
ก็คงให้สูตรไปเลยว่า

น้ำมัน + ด่าง = สบู่


น้ำมันอะไร ใช้ทำสบู่?
ทั้งน้ำมันพืช และสัตว์นั่นแล ได้หมด

โดยอุตสาหกรรมผลิตสบู่เจ้าใหญ่ๆ อย่าง สบู่หอมนกแก้ว
จะใช้น้ำมันปาล์มเป็นหลักเลย




แต่ก็ไม่ใช่เอาน้ำมันปาล์มเพียวๆมา ใช้ได้เลยดอกนะ
ไปดูการผลิตน้ำปาล์มเพื่อเป็นวัตถุดิบป้อนให้โรงงานกัน



โรงงานน้ำมันปาล์ม
ที่ บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด
รับผลปาล์มหนัก 600 ตันต่อวัน

มาจากสวนปาล์มพื้นที่หลายหมื่นไร่
หมื่นไร่ จะมีต้นปาล์มประมาณ 240,000 ต้น (สองแสนสี่หมื่นกว่า)

เป็นปาล์มพันธุ์ เทเนร่า ที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากมาเลเซีย





สกัดเอาน้ำมันปาล์มออกจากผล
แล้วนำมากลั่น เพื่อแยกไข จะได้
โอเลลีน ใช้ผลิตน้ำมันพืช
สเตรีน ใช้ผลิตสบู่

ไขปาล์ม หรือ สเตียรีน (Palm Sterine) นี้แลเป็นวัตถุดิบส่ง โรงงานทำสบู่





ขั้นตอนการผลิตสบู่ โรงงานสบู่หอมนกแก้ว

ฟอกสีน้ำมันพืช
มีการเอาน้ำมันมะพร้าวมาผสมร่วมด้วยนะ
ฟอกสี ด้วยแป้งฟอกสี เพื่อที่เวลานำไปต้มทำสบู่จะได้ขาว

ผสมกับด่าง ในถังต้ม
ไม่แคล้วต้องเข้าสูตร น้ำมัน + ด่าง = สบู่
ถึงตรงนี้ก็ได้สบู่แบบโบราณที่มีคุณสมบัติสบู่แล้วล่ะ

ล้างน้ำเกลือ
เพื่อให้เนื้อสบู่ขาวขึ้นไปอีก

พักไว้ให้ไขมันแยกชั้น
ชั้นบนจะเป็นเนื้อสบู่ ชั้นล่างจะเป็นน้ำเกลือ

ตรวจค่าเกลือค่าด่าง ในLAB ให้ได้ค่ามาตรฐาน
เกลือมากไป จะแตกง่าย
ด่างมากไป จะระคายเคือง  (ใช้แล้วรู้สึกผิวแห้งเกินไปมาจากสาเหตุนี้นี่เอง)

เม็ดสบู่อัดแห้ง
เป่าแห้งและทำให้เป็นสบู่เม็ดเล็กๆ




เติมสีและกลิ่น
ตรงนี้เป็นสูตรลับ สูตรใครสูตรมัน
อยากให้สีและกลิ่นเป็นยังไงก็ใส่ในขั้นตอนนี้เลย กวนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว

อัดเป็นก้อนสบู่
ก้อนสบู่พร้อมใช้งานแล้วจ้า

บรรจุหีบห่อเตรียมขาย





สบู่ทำความสะอาดได้อย่างไร?



ผิวมนุษย์มีน้ำมันหล่อเลี้ยงโดยธรรมชาติ
และยิ่งผลิตมากขึ้นก็เพื่อดักจับสิ่งสกปรก กลายเป็นขี้ไคล

สบู่เกิด จากน้ำมัน + ด่าง
มันสามารถรวมตัวกับน้ำมันและละลายในน้ำได้
จึงพาเอาน้ำมันขี้ไคลละลายในน้ำออกมา เหลือแต่ผิวเปลือย

ถ้าใช้สบู่บ่อยๆ จึงทำให้ผิวแห้งเพราะขาดน้ำมันหล่อเลี้ยงผิว

บางคนผิวแห้ง ไม่ยอมผลิตน้ำมันมาเลี้ยงผิวเองตามธรรมชาติอย่างพอเพียง
การใช้สบู่ จึงยิ่งทำให้ผิวแห้งมากไปจนเกิดการระคายเคืองได้


ฟองยิ่งมากยิ่งสะอาด?
เป็นเพียงความรู้สึกทางจิตวิทยา
ทางผู้ผลิตจึงเอาใจด้วยการใส่สารเพิ่มฟองเข้าไป




สบู่ทำเอง ในครัวเรือน
มักใช้กลีเซอรีน เป็นสารตั้งต้น นำมาผสมกับโซดาไฟที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
แล้วก็ปรุงสีและกลิ่น  ขึ้นรูปเป็นก้อน  เสร็จ

กลีเซอรีน ก็คือน้ำมันล่ะ
เป็นผลพลอยได้จากการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์ม



จะทำสบู่ก็เข้าสูตรเดิม

น้ำมัน + ด่าง = สบู่


ฉนั้นเราก็ใช้น้ำมันอื่นๆแทนได้นะ
ใน th.wiki บอกคุณสมบัติของน้ำมันชนิดต่างๆ
เมื่อนำมาทำเป็นสบู่ไว้ด้วย ใครอยากลองทำสบู่สูตรพิเศษคิดค้นขึ้นเอง ลองได้เลย

น้ำมันปาล์ม - ให้ฟองน้อย  ฟองอยู่นาน
น้ำมันมะพร้าว - เนื้อสบู่จะแข็ง ให้ฟองมาก ฟองอยู่นาน

2 ตัวนี้ ก็สบู่นกแก้วนี่เอง

น้ำมันรำข้าว
ให้วิตามินEมาก ทำให้สบู่มีความชุ่มชื้น บำรุงผิว ช่วยลดความแห้งของผิว

น้ำมันถั่วเหลือง
เป็นน้ำมันที่เข้าได้ดีกับน้ำมันอื่น ให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว
แต่เก็บไว้ได้ไม่นาน มีกลิ่นหืนง่าย

น้ำมันงา
เป็นน้ำมันที่ให้วิตามินอี และให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่มีกลิ่นเฉพาะตัว

น้ำมันมะกอก
ทำให้ได้สบู่ที่แข็งพอสมควร ใช้ได้นาน
มีฟองเป็นครีมนุ่มนวลมาก ให้ความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้ง

น้ำมันละหุ่ง
ช่วยทำให้สบู่มีฟองขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้สบู่เป็นเนื้อเดียวกันดี
สบู่ไม่แตก ทำให้สบู่มีความนุ่มเนียน และช่วยให้ผิวนุ่ม

น้ำมันเมล็ดทานตะวัน
ทำให้สบู่นุ่มขึ้น แต่ฟองน้อย

ไขมันวัว
จะได้สบู่ที่มีเนื้อแข็งสีขาวอายุการใช้งานนานมีฟองน้อย ทนนาน แต่นุ่มนวล

ไขมันหมู
จะได้สบู่ที่มีเนื้อแข็ง อายุการใช้งานนาน ฟองน้อย แต่ทนนาน

ไขมันแพะ
ได้สบู่เนื้อนุ่ม ได้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ผิวนุ่มเนียน


ขี้ผึ้ง
ได้สบู่เนื้อแข็ง อายุการใช้งานนาน ฟองน้อย แต่ทนนาน


น้ำมันอื่นๆที่wikiบอกไว้ ไม่รู้ว่าจะทำออกมาแล้วดีแค่ไหน
เพราะสัดส่วนการผสม ขึ้นอยู่กับเราตวง ก็คงต้องลองผิดลองถูกกันอีกเยอะทีเดียว



◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘
การเพิ่มมูลค่าให้กับสบู่
◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘




ใช้น้ำมันราคาแพงทำ
Savon de Marseille ใช้น้ำมันมะกอก 72 % + ด่าง
ซาวอน เดอ มาร์เซย์ จากฝรั่งเศส
ราคาตก 300 - 750 บาท




ใส่ทองหรืออัญมณีเข้าไป
ในรูปคือ สบู่ที่แพงที่สุดในโลก ราคา $2,800




สบู่สมุนไพร หลากหลายสูตร
เดี๋ยวนี้มีสบู่ทำเอง ใส่นู่นนี่นั่นแปลกๆ มากมาย วางขาย




i. เติมสารนู่นนี่นั่นมันได้ประโยชน์ จริงหรือ?
ผิวเรามีหน้าที่เป็นปราการ ป้องกันสิ่งต่างๆเข้าสู่ร่างกายอ่ะ
คงต้องถามว่า มันซึมเข้าผิวได้รึเปล่าล่ะ ฉาบแปปเดียวแล้วล้างออกเนี่ย =__="

เห็นผิวหน้าเขายังต้องมีตัวนำสารบำรุงเข้าสู่ผิวเลย
ไม่ว่าจะเป็นการใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อเปิดเซลล์ผิว,
ใช้ไลโปโซมนำพาอาหารบำรุงเข้าสู่ผิว

หรืออย่างน้อยก็ต้องพอกไว้30นาที ให้ซึมเข้าผิวเป็นต้น




ถ้าราคาสบู่เหล่านี้ เท่ากับสบู่ทั่วไปตามท้องตลาด ก็OK


สบู่ฆ่าเชื้อกำจัดแบคทีเรีย




อย่าเพิ่งเที่ยวโฆษณาสรรพคุณอะไรมากมาย
ทางองค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา (FDA) ให้พิสูจน์ให้ได้ภายในปี 2016 ว่า
มันไม่เป็นอันตราย และดีกว่าสบู่ธรรมดา ๆ จริง ๆ

อันตรายที่ว่าก็อย่างเช่น
ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น, ฮอร์โมนผิดปกติ, เกิดการดื้อยาปฏิชีวนะ,
การเพิ่มสารพิษเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร อย่างสารปรอท ที่ค่อยๆสะสมในร่างกาย  เป็นต้น



ทำสบู่ชนิดไม่มีฟอง หรือที่เรียกว่า Soap Free




ไม่ใช้ด่าง มาทำสบู่
(จะอยู่ในรูปสบู่เหลว เคยเห็นเขาทำเองผสมสารอะไรต่อมิอะไรเป็นสิบอย่างแน่ะ)
ควบคุม ph 5.5-6.7 ให้ใกล้เคียงผิวคน
เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย แต่ใช้แล้วจะรู้สึกลื่นเหมือนล้างไม่สะอาด

มักจะใช้ มอยเจอไรเซอร์ มาเพิ่มความชุ่มชื้น
แทนน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ

หากใช้แล้วพยายามล้างออกจนแห้ง
นั่นก็คือเปล่าประโยชน์ ผิวกลับมาแห้งเหมือนเดิม =__="


สบู่แฟนซี
ใส่สีคอสเมติก ทำเป็นสีและรูปร่างต่างๆ




สบู่แกะสลัก
เป็นของประดับตกแต่งสปาอย่างดี
นักท่องเที่ยวก็ชอบซื้อไปเป็นของฝาก




อาจจะมีคนเอาทุกวิธีเพิ่มมูลค่ามารวมเป็นProductเดียวก็ได้นะ $^_^$


เราเคยใช้สบู่อาบน้ำ ล้างหน้า สระผม ซักเสื้อผ้า
หน้าที่ของเขาคือทำความสะอาดร่างกายเป็นหลัก
กลิ่นสีและสารปรุงแต่งเปรียบไปก็เหมือนเสื้อผ้า

ใส่เพื่อให้ดูน่าใช้ขึ้น แต่สบู่ก็ยังต้องเป็นสบู่
จะถูกหรือแพงก็ยังเป็นสบู่


By iseeCHANG.com


---------------------

อ้างอิง
รายการกบนอกกะลา

วิกิพีเดีย สบู่
http://th.wikipedia.org/wiki/สบู่

สบู่มาจากไหน
http://board.postjung.com/700850.html

ความจริงที่ควรรู้ กับสบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
http://cheap.co.th/article/ความจริงที่ควรรู้-กับสบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

การล้างมือด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย ให้ผลแตกต่างจากการใช้สบู่ธรรมดาหรือไม่
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=512057

อย่าปล่อยให้ผิวหน้าสวยเป็นสนามทดลอง
http://doctor.or.th/article/detail/2143

สบู่ทำให้เราสะอาดได้อย่างไร
http://stks.or.th/blog/?p=11677

คุณสมบัติของสบู่ที่ได้จากกรดไขมันต่างชนิดกัน
http://สบู่ครูศรี.com/articles/42112318/

รอบรู้เรื่องสบู่
http://facebook.com/notes/ulara-natural-soap-thailandรอบรู้เรื่องสบู่-ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคู่กาย/448414095232675

---------------------

มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบอกกันได้นะครับ

กดLike คนเขียนเห็นแล้วเป็นกำลังใจ
กดShare ออกไปคนอ่านต่ออาจได้ประโยชน์

ขอบคุณครับ ^_____^

isc_200x150

ความคิดเห็น